มารู้จัก ROE กันเถอะ
การซื้อหุ้นก็เหมือนกับการลงทุนทำธุรกิจ การทำธุรกิจจำเป็นต้องใช้เงินลงทุน ตัวอย่างเช่น ถ้าเราจะเปิดร้านกาแฟ เราก็ต้องหาเงินมาซื้อเครื่องทำกาแฟ ตกแต่งร้าน จ่ายค่าเช่าที่ ค่าจ้างพนักงาน ซื้อวัตถุดิบ โดยที่เงินนี้อาจได้มาจากเงินของเราเองหรือขอยืมมาจากคนอื่น หากเปิดร้านแล้วขายได้ดี ควบคุมต้นทุนได้ เราก็จะมีเงินเหลือพอจ่ายดอกเบี้ยให้เจ้าหนี้และเสียภาษี สุดท้ายก็จะได้เป็นกำไรซึ่งจะเอาออกมาปันผลเก็บเข้ากระเป๋าหรือนำเงินไปลงทุนขยายร้านต่อก็ได้
ROE เป็นตัววัดการทำกำไรของบริษัทโดยเปรียบเทียบกำไรสุทธิกับส่วนของผู้ถือหุ้น ถ้ายกตัวอย่างร้านกาแฟคือ เอาตัวเลขกำไรที่ได้หลังจ่ายภาษีมาหารด้วยเงินลงทุนของเจ้าของ ยิ่งได้ ROE มากยิ่งดี เพราะหมายถึงเราใช้เงินลงทุนอย่างคุ้มค่าเพื่อสร้างผลกำไรให้เกิดขึ้น หากเรามีทางเลือกร่วมลงทุนในร้านกาแฟ โดยมี 2 ร้านที่เจ้าของ 2 คนใช้เงินลงทุนเท่ากัน เราย่อมเลือกร้านที่ทำกำไรได้สูงกว่า นั่นคือร้านที่มี ROE สูงกว่า การวิเคราะห์หุ้นก็เช่นกัน ภายใน Sector เดียวกัน หุ้นที่มี ROE สูงเป็นหุ้นที่น่าสนใจลงทุน
ROE สามารถบอกเราได้ว่าบริษัทไหนทำกำไรได้ดี แต่ไม่สามารถบอกได้ว่าหุ้นของบริษัทนั้นได้แพงไปแล้วหรือยัง ดังนั้น เราควรใช้ PE ควบคู่ไปกับ ROE ในการวิเคราะห์กำไรของบริษัท (ลองอ่านบทความก่อนหน้านี้เรื่อง PE ดูนะครับ) เพื่อที่เราจะได้มีโอกาสซื้อหุ้นดีในราคาถูกสำหรับตลาดช่วงนี้นะครับ