ลงทุนในหุ้น … รวยได้จริงหรือ?
เหตุผลยอดนิยมที่ทำให้คนสนใจซื้อหุ้น คือต้องการได้กำไรที่เป็นกอบเป็นกำ หลายคนเริ่มต้นด้วยความคาดหวังว่าซื้อแล้วต้องขึ้นทันที หุ้นที่เลือกจึงเป็นหุ้นเก็งกำไรตามข่าวสารที่ได้ยินต่อกันมาเป็นทอดๆ แต่หุ้นเก็งกำไรไม่สามารถทำให้ทุกคนรวยได้ คนที่ได้กำไรจะกระจุกตัวอยู่แค่ไม่กี่กลุ่ม (ถ้ามีโอกาสจะเล่าให้ฟังว่าเป็นกลุ่มไหนบ้าง) ส่วนคนที่ติดดอยนั้น รวมตัวอยู่กันอย่างหนาแน่นโดยมิได้นัดหมาย
ถ้าเราปรับแนวคิดใหม่เพื่อมองว่า การซื้อหุ้นคือการลงทุนทำธุรกิจในระยะยาว เราควรเลือกลงทุนในหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดี อนาคตสดใส เพื่อฝากชีวิตไว้ได้ยาวๆ หุ้นที่เราเลือกก็จะมีหน้าตาเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง แต่ก่อนที่จะไปถึงเรื่องวิธีการเลือกหุ้น คำตอบที่ควรต้องมีให้กับตัวเองก่อนคือ ถ้าจะลงทุนในหุ้นแล้ว เราควรได้รับผลตอบแทนเท่าไหร่จึงจะคุ้มค่าเหนื่อย ค่าเสียเวลา (อาจมีค่าเสียอารมณ์ด้วย)
ตัวเลขแรกที่ควรจำไว้ให้ขึ้นใจคือ 15% ต่อปี ถ้าจะลงทุนด้วยตัวเองในตลาดหุ้น เป้าหมายแรกสุดที่ทุกคนควรกำหนดให้กับตัวเองคือ ต้องได้ผลตอบแทนเฉลี่ยปีละ 15% ขึ้นไป ถามว่าตัวเลขนี้มาจากไหน?
ผลตอบแทน 15% ต่อปี ได้มาจากข้อมูลการลงทุนใน SET หรือ SET50 (หุ้นใหญ่ 50 ตัวในตลาด) ตั้งแต่ต้นปี 2002 จนถึงปัจจุบัน โดยอ้างอิง Total Return Index ซึ่งเป็นดัชนีที่สื่อถึงผลตอบแทนรวมที่ได้จากทั้งส่วนต่างราคาหุ้นที่เพิ่มขึ้นและเงินปันผล
ข้อควรระวังคือผลตอบแทน 15% ต่อปีนั้น ได้มาจากการลงทุนแบบต่อเนื่องยาวนานถึง 13 ปี ถ้าเราลงทุนระยะสั้น ผลตอบแทนที่ได้ย่อมต่างออกไปและบางครั้งอาจจะขาดทุนได้ คำถามถัดมาคือ การลงทุนระยะยาวควรมีเวลาอย่างน้อยกี่ปี?
ตัวเลขถัดมาที่ควรใส่ใจคือ 6 ปี คำว่าการลงทุนระยะยาวนั้น ควรมีเวลาอย่างน้อย 6 ปี ตัวเลขนี้ได้มาจากวิธีคิดที่ว่า ถ้าเราโชคร้ายที่สุดในการเลือกวันเริ่มต้นลงทุนใน SET Total Return Index แล้ว เราต้องอยู่กับการลงทุนนั้นอย่างน้อยกี่ปีถึงจะไม่ขาดทุน จากตารางด้านล่าง เราจะเห็นได้อย่างชัดเจนว่า ยิ่งเราลงทุนนานขึ้น ผลตอบแทนจากความโชคร้ายที่สุดจะดีขึ้นเรื่อยๆ … เวลาช่วยให้ทุกอย่างดีขึ้น