FinTech “BACKBONE” แห่งยุคดิจิทัล
จากอดีตจนถึงปัจจุบัน การพัฒนาเทคโนโลยีทางด้านการเงินได้เข้าสู่การใช้ชีวิตประจำวันของมนุษย์มากขึ้นเรื่อยๆ ทุกช่วงอายุ เพศ หรือ การศึกษา ก็สามารถเข้าถึงบริการทางการเงินได้มากยิ่งขึ้น FinTech จึงเป็นตัวลดความเหลื่อมล้ำในสังคมให้กับผู้ที่ไม่มีโอกาส สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายยิ่งขึ้น โดยรวมแล้วโจทย์เรื่องฟินเทคและดิจิทัล หากสามารถลดค่าบริการที่ไม่จำเป็น หรือ การเพิ่มการระดมทุน มีการทำธุรกิจผ่านฟินเทคมากขึ้น จะส่งผลดีต่อภาคเศรษฐกิจของประเทศได้ดียิ่งขึ้น จึงนับว่า FinTech นั้นเป็น “Backbone” ของยุคดิจิทัลอย่างแท้จริง
เรามาดูเคสแต่ละประเทศกันว่า FinTech นั้น มีกลยุทธ์ใดในการเข้าถึงปัญหาความเหลื่อมล้ำในสังคมได้บ้าง…
- เข้าถึงฐานตลาดใหญ่ด้วย M-Pesa แอปพลิเคชั่น โมบาย แบงก์กิ้ง (E-Wallet) บริการทางธุรกรรมทางการเงินของแอฟริกา เข้าใจถึงปัญหาของกลุ่มคนผู้มีรายได้น้อยที่เข้ามาทำงานในเมือง ต้องการส่งเงินเลี้ยงครอบครัวในชนบท แต่ขาดโอกาสด้านเทคโนโลยีทางการเงินในการอำนวยความสะดวกฟังก์ชั่นพื้นฐานต่างๆ เช่น การฝาก ถอน โอน จ่าย เพราะพื้นที่ในชนบทบางพื้นที่ ไม่มีสาขาธนาคารย่อยให้สามารถทำธุรกรรมได้ หรืออาจมีค่าธรรมเนียมที่แพงเกินไป M-Pesa จึงเข้ามาอุดช่องว่างนี้ และเปลี่ยนวิกฤตปัญหาให้เป็นโอกาสสำคัญทางธุรกิจ ที่สามารถเป็นตัวช่วยลดความเหลื่อมล้ำนี้ในสังคมได้ พบว่าร้อยละ 82 ของกลุ่มตัวอย่างประชากรเคนยาเข้าถึงบริการทางการเงิน เพิ่มขึ้นจากปี 2554 กว่าเท่าตัว เป็นการแสดงให้เห็นว่า กลุ่มคนที่เข้าถึงโอกาสทางการเงินได้น้อยมีวินัยออมเงินมากขึ้น ซึ่งธุรกิจนี้ได้เกิดขึ้นหลายประเทศแล้ว เช่น บังคลาเทศ ฟิลิปปินส์ จีน สหรัฐอเมริกา และสหราชอาณาจักร เป็นต้น
- แต่เดิมปัญหาการขอสินเชื่อของผู้ประกอบการรายเล็กนั้นจะเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ยาก เนื่องจากไม่มีประวัติทางการเงินและไม่มีสินทรัพย์ค้ำประกัน ดังนั้น P2P Lending Platform จึงเกิดขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหาช่องว่างนี้… เครดิตออนไลน์ง่ายๆ ใกล้เพียงแค่เอื้อมกับ Yirendai (อี้เหรินไต้) ของจีน โดยแพลตฟอร์มนี้จะเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการจีนมีเงินทุนมาดำเนินธุรกิจให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้น สร้างโอกาสและอนาคตในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ด้วยการปล่อยสินเชื่อจากการระดมทุนรายย่อยสู่ผู้ขอสินเชื่อเพื่อนำไปเป็นแหล่งเงินทุน
- นอกจากสินเชื่อแล้วภาคตลาดทุนในประเทศไทยยังมีเครื่องมือที่จะช่วยให้คนไทยทุกระดับสามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์การลงทุนได้ง่ายมากขึ้น “ลงทุนง่าย ได้ทุกคน กับ โอดีนี่” ด้วยเทคโนโลยีอย่าง Robo Advisor ที่จะช่วยแนะนำการลงทุนให้เข้ากับสถานการณ์การลงทุน ด้วย 3 ฟีเจอร์ในแอปดังนี้ ปรับสมดุลพอร์ตการลงทุน (Rebalancing) ด้วยการตั้งเงื่อนไขลงทุนรายเดือนแบบอัตโนมัติ Dollar Cost Averaging (DCA) เพื่อควบคุมความเสี่ยงของพอร์ตไม่ให้ผันผวนเกินกว่าที่นักลงทุนจะรับได้ ติดตามผลงานกองทุน (Fund Monitoring) นำข้อมูลมาปรับการลงทุน และนำเงินปันผลไปลงทุนต่อ (Reinvestment) ซึ่งจะช่วยให้เรารักษาวินัยทางการเงินได้ดียิ่งขึ้น
ดังนั้น การเตรียมความพร้อมด้วยปัจจัยสนับสนุนต่างๆ เช่น ความพร้อมและการส่งเสริมการเปิดการใช้เทคโนโลยีของผู้ใช้บริการ การมีเกณฑ์กำกับดูแลที่ยืดหยุ่น เปิดรับนวัตกรรมโดยยึดประโยชน์ของประชาชนเป็นสำคัญ และความพร้อมทางด้านโครงสร้าง เช่น ระบบฐานข้อมูลประชากร เป็นต้น องค์ประกอบเหล่านี้ล้วนเป็นเครื่องมือลดความเหลื่อมล้ำในสังคมไทยได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
Cr: Bank of Thailand
.
.
Follow us on
Line: @fintechthailand
Instagram: fintechthailand
#Fintech #FintechThailand