โคโรนาทำพิษ ฉุดหุ้นทั่วโลกร่วง
หลังจากองค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ประกาศภาวะฉุกเฉินการระบาดไวรัสโคโรน่า ขณะที่ทางจีนสั่งห้ามกรุ๊ปทัวร์ออกนอกประเทศ พร้อมขยายเวลาวันหยุดในเทศกาลตรุษจีน ส่งผลให้สินทรัพย์เสี่ยงราคาปรับตัวลดลง และสินทรัพย์ปลอดภัยมีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้น
ดังนั้น ตลาดหุ้นทั่วโลกต่างก็ร่วงรัวๆ รวมถึงไทยด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มโรงแรม สนามบิน ทิ้งดิ่ง รวมถึงหุ้นที่มีสินค้าเกี่ยวกับนักท่องเที่ยว… เป็นผลต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ส่วนราคาทองคำปรับขึ้นในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย
โดยล่าสุดเมื่อวันที่ 28 ม.ค. 2562 พบผู้ติดเชื้อเฉพาะในจีน 4,409 ราย และมีผู้เสียชีวิต 107 ราย นับวันจำนวนผู้มีความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสยิ่งเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นเพื่อนๆ ทุกคนอย่าลืมป้องกันด้วยหน้ากากอนามัย ล้างมือบ่อยๆ และหมั่นดูแลสุขภาพกันด้วยนะครับ
สำหรับวันนี้เรามาดูกันดีกว่าว่าธุรกิจไหนจะรอดหรือไม่รอดกันบ้าง?
การระบาดของไวรัสโคโรนาส่งผลต่อการอ่อนค่าของเงินบาท จึงเป็นผลดีต่อการส่งออก โดยกลุ่มธุรกิจที่ได้ประโยชน์ ได้แก่
-
- กลุ่มโรงพยาบาล Outperform ทั้ง 2 กลุ่ม แบ่งเป็น
- กลุ่มโรงพยาบาลเงินสด BDMS ฐานลูกค้าจีน 1%, BH ฐานลูกค้าจีน 3-4% และ PR9 ได้รับปัจจัยตั้งแต่ฝุ่น 5 ต่อเนื่องยาวถึงการระบาดของไวรัสโคโรนา ส่งผลให้คนไทยและจีนเข้ารับการรักษามากขึ้น
- กลุ่มโรงพยาบาลประกันสังคม BCH, CHG และ RJH
-
- กลุ่มส่งออกสินค้าเกษตรและอาหาร เมื่อเงินบาทอ่อนค่าจะให้รายได้บริษัทต่อหน่วยเพิ่มขึ้น STA, KSL, TU, CPF และ GFPT
- กลุ่มส่งออกชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ DELTA, HANA, KCE และ SVI
เมื่อมีผู้ได้ประโยชน์ ก็ย่อมมีผู้เสียประโยชน์ โดยธุรกิจที่ได้รับผลกระทบ ได้แก่
-
- กลุ่มพลังงาน ปัจจัยกดดันช่วงสั้นต่อทิศทางต่อราคาหุ้น ชะลอการการลงทุน PTT และ PTTEP
- กลุ่มโรงแรม เนื่องจากนักท่องเที่ยวจีนถือเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติอันดับ 1 ของไทย คิดเป็นสัดส่วน 28% หรือประมาณ 11 ล้านคน กระทบนักท่องเที่ยวต่างชาติประเทศอื่นๆ ให้มาเที่ยวน้อยลงเช่นกัน โดยหุ้นที่ได้รับผลกระทบ ดังนี้
- ERW สัดส่วนรายได้ 90%
- CENTELสัดส่วนรายได้ 36%
- MINT สัดส่วนรายได้ 8%
-
- กลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม โดยเฉพาะ TKN และ AU ที่ได้รับผลกระทบมาก เนื่องจากลูกค้าชาวจีนส่วนใหญ่ จะซื้อเป็นของฝากกลับประเทศ
- กลุ่มท่องเที่ยว ซึ่ง SPA คาดดารณ์กระกบกำไรสุทธิลดลง 22% จากช่วงเดียวกันปีก่อน
- กลุ่มการบิน ได้รับผลกระทบสูงจากรายได้ลูกค้าจีน
- AAV สัดส่วนรายได้ 30%
- AOT สัดส่วนรายได้ 15%
- THAI สัดส่วนรายได้ 8%
- BA สัดส่วนรายได้ 2%
จากผลกระทบสามารถส่งผลดีต่อ Sector บางกลุ่ม และส่งผลไม่ดีต่อ Sector บางกลุ่มเช่นกัน ช่วงการเกิดโรคระบาด แน่นอนว่าสินทรัพย์ปลอดภัยย่อมเป็นที่ต้องการของตลาดโลก การติดตามข้อมูลอย่างใกล้ชิด ดัชนีตลาดหุ้นไทยยังคงมีความผันผวนค่อนช้างมาก หากว่าข้อมูลมีความชัดเจนมากขึ้น จะส่งผลให้หุ้นอุตสาหกรรมที่ไม่ได้รับผลกระทบฟื้นตัวได้ดีขึ้น จึงเป็นโอกาสที่ดีของการลงทุน
Cr. Asiaplus, SET
.
.
Follow us on
Facebook: Fintech Thailand
Instagram: fintechthailand