FinTech TOP 3: Startups ผู้นำด้านการการจ่ายเงิน (Payment)
ในยุคที่การใช้จ่ายแบบ Cashless มีให้เห็นได้ทั่วไปและเริ่ม trannsform เข้าสู่สังคม Cardless มากขึ้นเรื่อย ๆ ดังนั้นวันนี้ Fintech จะพาคุณไปรู้จักกับ startup สาย FinTech ด้าน Payment ที่ถือได้ว่าเป็นตัวท็อปของกลุ่มนี้
TOP 3: FinTech ตัวท็อปสาย Payment ที่ทำให้การจ่ายเงิน…ง่ายและปลอดภัย
Adyen, Amsterdam, Netherlands
แพลตฟอร์มการชำระเงินระดับโลกทั่วโลก ที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถรับการชำระเงินได้จากบัตรเครดิตและบัตรเดบิตของสถาบันการเงินรายใหญ่ ตลอดจนการชำระเงินผ่านทางแอปพลิเคชันบนมือถือ อย่าง Apple Pay และ Google Pay อีกทั้งยังมีการขยายการให้บริการในปีที่ผ่านมาด้วยการเป็นพันธมิตรกับ ยักษ์ใหญ่ของจีนอย่าง Alipay อีกด้วย
ผลงาน: ดูแลและควบคุมการดำเนินการด้านการชำระเงิน เป็นจำนวนเงินกว่า 150 B. (~4.68 แสนล้านบาท) ในปีที่ผ่านมา โดยเพิ่มขึ้นจากเดิมกว่า 90 B. (~2.81 แสนล้านบาท) ในปี 2016 ทั้งยังมีลูกค้ารายใหญ่ในความดูแล อาทิ Microsoft, Uber, Spotify และ Sephora
ผู้ก่อตั้ง: CEO Pieter van der Does ก่อตั้งบริษัทร่วมกันกับ Arnout Schuijff (CTO) และผู้ก่อตั้งร่วมอีก 2 คน
เงินทุน: ระดมทุนได้ไปทั้งสิ้น $266 M. (~7.06 พันล้านบาท) จากบริษัทลงทุนอย่าง ICONIQ Capital, Index Ventures, Felicis Ventures, General Atlantic และ Temasek Holding ปัจจุบันมีมูลค่าธุรกิจอยู่ที่ $2.3 B. (~71.85 พันล้านบาท)
Forter, New York, NY
FinTech สาย machine learning ที่ใช้เทคโนโลยีการเรียนรู้เพื่อป้องกันการฉ้อโกง การปรับแต่งปลอมแปลงโปรไฟล์ และจัดระดับความเสี่ยงของผู้ขายแต่ละราย โดยอาศัยการตรวจสอบและหาจุดเชื่อมโยงจากข้อมูลนับพัน ที่ได้จากการทำธุรกรรมบนออนไลน์ ซึ่งรวมถึงพฤติกรรมของผู้ซื้อและตำแหน่งทางภูมิศาสตร์ เพื่อใช้ช่วยตัดสินใจว่าควรจะซื้อ ต่อรองขอลดราคา หรือทำธุรกรรมด้วยหรือไม่
ผลงาน: ดูแลธุรกรรมทางการเงินมากกว่า 1 B. (~31.24 พันล้านบาท) ต่อปี จากผู้ค้ารายย่อยและตลาดออนไลน์ ซึ่งรวมถึงผู้ค้ารายใหญ่อย่าง Nordstrom, delivery.com และ kiwi.com
ผู้ก่อตั้ง: CEO: Michael Reitblat, COO: Liron Damri และ Chief Analyst: Alon Shemesh
เงินทุน: ระดมทุนได้ไปทั้งสิ้น $50 M. (~1.56 พันล้านบาท) จาก Sequoia Capital, New Enterprise Associates และ Scale Venture Partners
Guideline, San Mateo, CA
ระบบช่วยบริหารแผนธุรกิจขนาดเล็ก 401 (k) แบบอัตโนมัติ เป็นการผสานรวมระบบต่าง ๆ เข้ากับผู้ให้บริการโดยตรง ไม่ว่าจะเป็นการจัดการบัญชีเงินเดือน รวมถึง การเรียกเก็บเงินค่าจ้างจากนายจ้าง ค่าติดตั้งระบบเพียงครั้งเดียวอยู่ที่ $500 และค่าดูแลรายปีที่ $96 ต่อปี ต่อคน สำหรับใช้ในการบันทึกข้อมูล การจัดการการลงทุน และการรายงานการปฏิบัติงานตามข้อตกลง อีกทั้งยังไม่มีค่าใช้จ่ายสำหรับพนักงานในการเข้าถึงกองทุนต้นทุนต่ำอย่าง Vanguard และ DFA อีกด้วย
ผลงาน: มีนายจ้างลงทะเบียนใช้งานระบบแล้วกว่า 3,000 ราย
เงินทุน: ระดมทุนได้ไปทั้งสิ้น $24 M. (~750 ล้านบาท) จาก NEA, Lerer Hippeau Ventures และ Felicis Ventures เป็นต้น
ผู้ก่อตั้งและ CEO: Kevin Busque ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งเดียวกันกับ TaskRabbit
เห็นแบบนี้แล้วต้องบอกว่ารูปแบบการจ่ายเงิน กระบวนการจ่ายเงิน และพฤกติกรรมการจ่ายเงินของผู้บริโภค กำลังปรับเปลี่ยนไปตามเทคโนโลยีมากขึ้นเรื่อย ๆ ไม่ว่าจะเป็นภาคธุรกิจหรือภาคประชาชน หากจะพูดว่าเทคโนโลยีเหล่านี้ช่วยให้เกิดความปลอดภัยและความสะดวกสบายในด้าน payment แก่ตัวผู้ใช้งานได้…ก็คงไม่ผิดนัก
Cr. forbes.com, behance.net, forter.com, angel.co/guideline